คำนำ
รายงาน เรื่อง นวัตกรรมโลกนิทานหุ่นมือฉบับนี้ ผู้รายงาน ได้กล่าวถึงความหมายของนวัตกรรมและหุ่นมือเป็นแนวทางในการสร้างสรรค์หุ่นมือ เพื่อจะนำไปจัดกิจกรรมการเรียนการสอนและเป็นละครหุ่นหุ่นให้แก่เด็กปฐมวัยเพื่อส่งเสริมพัฒนาการทุกด้านและมีความพร้อมที่จะเข้าสู่ระบบการศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ ผู้รายงานหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารายงานฉบับนี้จะมีประโยชน์สำหรับเพื่อนนักศึกษาหรือผู้ที่สนใจใช้ในการศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมความรู้เกี่ยวกับนวัตกรรมโลกนิทาน ต่อไป
วรรณนิภา ปูรณานุนาค
นักศึกษา ป.บัณฑิตไทยเข้มแข็ง รุ่นที่ 4 เลขที่ 23 ผู้รายงาน
สารบัญ
หนา
คำนำ
สารบัญ
ความหมายของนวัตกรรม 1
ความหมายของนวัตกรรมการศึกษา 3
หุ่นมือ 3
ความหมายของหุ่น 4ความหมายของนิทาน 4
คุณค่าของนิทาน 5
บทบาทของหุ่นในวงการศึกษา 6
ตัวอย่างกิจกรรมที่เกี่ยวกับหุ่น 7
สรุปผล 11
ข้อเสนอแนะ 11
เอกสารอ้างอิง 12
รายงาน
เรื่อง นวัตกรรมโลกนิทานหุ่นมือ
จัดทำโดย
นางสาววรรณนิภา ปูรณานุนาค
นักศึกษา ป.บัณฑิตไทยเข้มแข็ง
รุ่นที่ 4 เลขที่ 23
ก่อนที่จะกล่าวถึง นวัตกรรมโลกนิทานหุ่นมือ ผู้รายงาน จะได้กล่าวถึงความหมายของนวัตกรรมและความหมายของหุ่นมือเพื่อการศึกษา และพัฒนา สำหรับเด็กปฐมวัย เสียก่อนดังต่อไปนี้ ดังต่อไปนี้
ความหมายของนวัตกรรม “นวัตกรรม” หมายถึง ความคิด การปฏิบัติ หรือ สิ่งประดิษฐ์ใหม่ ๆ ที่ยังไม่เคยมีใช้มาก่อน หรือเป็นการพัฒนาดัดแปลงมาจากของเดิมที่มีอยู่แล้ว ให้ทันสมัย และใช้ได้ผลดียิ่งขึ้น เมื่อนำ นวัตกรรมมาใช้จะช่วยให้การทำงานนั้นได้ผลดี มีประสิทธิภาพ และประสิทธิผลสูงกว่าเดิม ทั้งยังช่วย ประหยัดเวลา และแรงงานได้ด้วย “นวัตกรรม” (Innovation) มีรากศัพท์มาจาก innovare ในภาษาลาติน ที่แปลว่า ทำสิ่งใหม่ขึ้นมา ความหมายของนวัตกรรมในเชิงเศรษฐศาสตร์คือ การนำแนวความคิดใหม่หรือการใช้ประโยชน์จากสิ่งที่มีอยู่แล้วมาใช้ในรูปแบบใหม่ เพื่อทำให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจหรือก็คือ ”การทำในสิ่งที่แตกต่างจากคนอื่นโดยอาศัยการเปลี่ยนแปลงต่างๆ (Change) ที่เกิดขึ้นรอบตัวเราให้กลายมาเป็นโอกาส (Opportunity) และถ่ายทอดไปสู่แนวความคิดใหม่ที่ทำให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและสังคม” แนวความคิดนี้ ถูกพัฒนา ขึ้นมา ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 โดยจะเห็นได้จากแนวคิดของนักเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เช่น ผลงานของ Joseph Schumpeter ใน The Theory of Economic Development,1934 โดยจะเน้นไปที่การสร้างสรรค์ การวิจัย และพัฒนาทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี อันจะนำไปสู่ การได้มาซึ่ง นวัตกรรม ทางเทคโนโลยี (Technological Innovation) เพื่อประโยชน์ในเชิงพาณิชย์เป็นหลัก นวัตกรรมยังหมายถึง ความสามารถในการเรียนรู้และนำไปปฏิบัติให้เกิดผลได้จริงอีกด้วย (พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ , Xaap.com) คำว่า “นวัตกรรม” เป็นคำที่ค่อนข้างจะใหม่ ในวงการศึกษาของไทย คำนี้ เป็นศัพท์บัญญัติของคณะกรรมการพิจารณาศัพท์วิชาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ มาจากภาษาอังกฤษว่า Innovation มาจาก
คำกริยาว่า innovate แปลว่า ทำใหม่ เปลี่ยนแปลงให้เกิดสิ่งใหม่ในภาษาไทยเดิมใช้คำว่า “นวกรรม” ต่อมาพบว่าคำนี้มีความหมายคลาดเคลื่อน จึงเปลี่ยนมาใช้คำว่า นวัตกรรม (อ่านว่า นะ วัด ตะ กำ) หมายถึง การนำสิ่งใหม่ ๆ เข้ามาเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมจากวิธีการที่ทำอยู่เดิม เพื่อให้ใช้ได้ผลดียิ่งขึ้น ดังนั้น ไม่ว่าวงการหรือกิจการใด ๆ ก็ตาม เมื่อมีการนำเอาความเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ เข้ามาใช้เพื่อปรับปรุงงานให้ดีขึ้นกว่าเดิมก็เรียกได้ว่าเป็นนวัตกรรมของวงการนั้นๆเช่นในวงการศึกษานำเอามาใช้ ก็เรียกว่า “นวัตกรรมการศึกษา” (Educational Innovation) ส่วนผู้ที่กระทำหรือนำความเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ มาใช้นี้ เรียกว่า เป็น “นวัตกร” (Innovator) ทอมัส ฮิวช์ (Thomas Hughes) ได้ให้ความหมายของ “นวัตกรรม” ว่า เป็นการที่นำวิธีการใหม่ ๆ มาปฏิบัติ หลังจาก ที่ได้ผ่านการทดลอง หรือได้รับการพัฒนา มาเป็นขั้น ๆ แล้ว โดยเริ่มตั้งแต่ การคิดค้น (Invention) การพัฒนา (Development) อาจเป็นไปในรูปของ โครงการทดลองปฏิบัติก่อน (Pilot Project) แล้วจึงนำไปปฏิบัติจริง ซึ่งมีความแตกต่างไปจากการปฏิบัติเดิมที่เคยปฏิบัติมา มอร์ตัน (Morton,J.A.) ให้ความหมาย “นวัตกรรม” ว่าเป็นการทำให้ใหม่ขึ้นอีกครั้ง(Renewal) ซึ่งหมายถึง การปรับปรุงสิ่งเก่า ๆ และพัฒนาศักยภาพของบุคลากร ตลอดจน หน่วยงาน หรือ องค์การนั้น ๆ นวัตกรรม ไม่ใช่การขจัดหรือล้มล้างสิ่งเก่าให้หมดไป แต่เป็นการ ปรับปรุงเสริมแต่งและพัฒนา ไชยยศ เรืองสุวรรณ (2521 : 14) ให้ความหมาย “นวัตกรรม” ไว้ว่าหมายถึง วิธีการปฏิบัติใหม่ ๆ ที่แปลกไปจากเดิม โดยอาจจะได้มาจาก การคิดค้น พบวิธีการใหม่ ๆ ขึ้นมา หรือมีการปรับปรุงของเก่าให้เหมาะสม และสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ได้รับการทดลอง พัฒนาจนเป็นที่เชื่อถือได้แล้ว ว่าได้ผลดีในทางปฏิบัติ ทำให้ระบบก้าวไปสู่จุดหมายปลายทางได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น จรูญ วงศ์สายัณห์ (2520 : 37) ได้กล่าวถึงความหมายของ “นวัตกรรม” ไว้ว่า “แม้ในภาษาอังกฤษเอง ความหมาย ก็ต่างกันเป็น 2 ระดับ โดยทั่วไป นวัตกรรม หมายถึง ความพยายามใด ๆ จะเป็นผลสำเร็จหรือไม่ มากน้อยเพียงใด ก็ตามที่เป็นไป เพื่อจะนำสิ่งใหม่ ๆ เข้ามาเปลี่ยนแปลงวิธีการที่ทำอยู่เดิมแล้ว กับอีกระดับหนึ่ง วงการวิทยาศาสตร์แห่งพฤติกรรม ได้พยายามศึกษาถึงที่มาลักษณะ กรรมวิธีและผลกระทบที่มีอยู่ต่อกลุ่มคนที่เกี่ยวข้อง คำว่า นวัตกรรม มักจะหมายถึง สิ่งที่ได้นำความเปลี่ยนแปลงใหม่เข้ามาใช้ได้ผลสำเร็จและแผ่กว้างออกไป จนกลายเป็นการปฏิบัติอย่างธรรมดาสามัญ (บุญเกื้อ ควรหาเวช, 2543)
นวัตกรรม แบ่งออกเป็น 3 ระยะ คือ ระยะที่ 1 มีการประดิษฐ์คิดค้น (Innovation) หรือ เป็นการปรุงแต่งของเก่า ให้เหมาะสมกับกาลสมัย ระยะที่ 2 พัฒนาการ (Development) มีการทดลองในแหล่งทดลอง จัดทำอยู่ ในลักษณะของโครงการทดลองปฏิบัติก่อน (Pilot Project)
ระยะที่ 3 การนำเอาไปปฏิบัติในสถานการณ์ทั่วไป ซึ่งจัดว่าเป็นนวัตกรรมขั้นสมบูรณ์
ความหมายของนวัตกรรมการศึกษา “นวัตกรรมการศึกษา (Educational Innovation )” หมายถึง นวัตกรรม ที่จะช่วยให้การศึกษา และการเรียนการสอนมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น ผู้เรียน จะสามารถเกิดการเรียนรู้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิผลสูงกว่าเดิม เกิดแรงจูงใจ ในการเรียนด้วยนวัตกรรมการศึกษาและประหยัดเวลา ในการเรียนได้อีกด้วย ในปัจจุบัน มีการใช้นวัตกรรมการศึกษามากมายหลายอย่าง ซึ่งมีทั้ง นวัตกรรม ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายแล้ว และประเภทที่กำลังเผยแพร่เช่นการเรียนการสอนที่ใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอน (Computer Aids Instruction) การใช้แผ่นวีดิทัศน์เชิงโต้ตอบ (Interactive Video) การใช้สื่อหลายมิติ ( Hypermedia ) และอินเทอร์เน็ต(Internet) เหล่านี้เป็นต้น (วารสารออนไลน์ บรรณปัญญา.htm) “นวัตกรรมทางการศึกษา” (Educational Innovation) หมายถึง การนำเอาสิ่งใหม่ ซึ่งอาจจะอยู่ในรูปของความคิด หรือการกระทำ รวมทั้ง สิ่งประดิษฐ์ก็ตามเข้ามาใช้ในระบบการศึกษา เพื่อมุ่งหวังที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่มีอยู่เดิมให้ระบบการจัดการศึกษา มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นผู้เรียน สามารถเกิดการเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วเกิดแรงจูงใจในการเรียน ช่วยให้ประหยัดเวลา ในการเรียน เช่น การสอนโดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอนการใช้วีดีทัศน์เชิงโต้ตอบ(Interactive Video) การใช้สื่อหลายมิติ (Hypermedia) และอินเตอร์เน็ต เหล่านี้เป็นต้น ข้อดีของการนำนวัตกรรมไปใช้ 1. ทำให้เกิดการเรียนรู้ได้เร็วขึ้น 2. ทำให้ได้รับประสบการณ์ที่หลากหลายจากการเรียนรู้ 3. ไม่ทำให้เกิดการเบื่อหน่าย 4. ทำให้โลกของผู้เรียนกว้างขึ้นไม่จำกัดอยู่ในวงแคบ ๆ ของการศึกษาแบบเก่า 5. เป็นการเปิดโอกาสให้เด็กกลายเป็นผู้มีความคิดที่อยากเป็นนักพัฒนาและมีความคิดสร้างสรรค์
หุ่นมือ หุ่นมือ (Hand Puppet) จัดเป็นหุ่นประเภทหนึ่ง ที่ใช้เพื่อการศึกษาและพัฒนาเด็กปฐมวัย สำหรับครู และจัดเป็นนวัตกรรมทางการศึกษาประเภทหนึ่งด้วยโดยเป็นการนำเอาสิ่งใหม่ซึ่งอาจจะอยู่ในรูป ของความคิดหรือการกระทำรวมทั้งสิ่งประดิษฐ์ก็ตามเข้ามาใช้ ในระบบการศึกษาเพื่อมุ่งหวังที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่มีอยู่เดิม ให้ระบบการจัดการศึกษา มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นผู้เรียนสามารถเกิดการเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว เกิดแรงจูงใจ ในการเรียนช่วยประหยัดเวลาในการเรียน เช่นการสอนโดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอน การใช้วีดีทัศน์เชิงโต้ตอบ(Interactive Video) การใช้สื่อหลายมิติ (Hypermedia) และอินเตอร์เน็ต เหล่านี้เป็นต้นหุ่นมือนั้นเป็นหุ่นเชิดโดยใช้นิ้วมือสอดเพื่อขยับให้มือ หัวและปากของหุ่นเคลื่อนไหวได้ตามต้องการหุ่น
มือมีหลายแบบเช่นหุ่นมือถุงกระดาษ หุ่นมือถุงมือ หุ่นมือถุงเท้าและหุ่นนิ้วมือ ในอดีตจนถึงปัจจุบัน หุ่นในรูปแบบต่าง ๆ เป็นเสมือตัวแทนของมนุษย์ ในการแสดงออกทางการ เคลื่อนไหว ลีลา อารมณ์ และสื่อสารความคิด ให้บุคคลอื่นรับรู้ ก่อให้เกิดทั้งความสุขสนุกสนานเกิดความ รู้สึกนึกคิดต่าง ๆ อีกทั้งยังเป็นความงดงามที่แสดงออกถึงขนบธรรมเนียมประเพณีของชาติต่าง ๆ ทั่วโลก
จนปัจจุบันหุ่นยังคงอยู่มีบทบาทและความสำคัญ โดยเฉพาะในด้านการศึกษา ดังนั้น เด็กทุกคนจึงรู้จัดหุ่นเป็นอย่างดี
ความหมายของหุ่น
ผู้ทรงคุณวุฒิหลายท่าน ได้ให้คำจำกัดความ และอธิบายความหมายของหุ่น ไว้เป็นแนวทาง เพื่อการศึกษาและน่าสนใจดังนี้
จิระประภา บุณยนิตย์ (2525,หน้า 7) กล่าวว่า หุ่นคือสิ่งที่ไม่มีชีวิต เคลื่อนไหวได้ในรูปของละครโดยมนุษย์
เกศนี โชติกเสถียร (2524, หน้า 9) อธิบายว่า หุ่นเป็นการแสดงมหรสพชนิดหนึ่ง ที่ใช้รูปจำลองคล้ายของจริงเป็นการแสดงแทนตัวตนสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ พร้อมแม้แต่สิ่งสมมติในเทพนิยาย การเคลื่อนไหวของหุ่นจะอยู่ในความควบคุมชของมนุษย์ที่เป็นผู้สร้างมันขึ้นมา
อรชุมา ยุทธวงศ์ (2527, หน้า 568) ได้ให้ความหมายว่า หุ่น เป็นวัตถุที่สร้างขึ้น แล้วนำมาทำให้เคลื่อนไหวได้ เพื่อสื่อความหมายกับผู้อื่นโดยใช้ในการสื่อสาร นำความรู้สึกนึกคิด อารมณ์ แรงบันดาลใจและความฝันมาทำให้เป็นตัวตนขึ้นมา
กลุ่มศิลปวัฒนธรรม เพื่อเยาวชน “มายา” (2530, หน้า 14) ให้คำจำกัดความของหุ่น เสมือนเป็นข้อสรุปรวม ความว่า หุ่น คือ ตัวละครที่มนุษย์สร้างขึ้น อาจมีรูปทรง 2 มิติ หรือ 3 มิติ ก็ได้ โดยมีบทบาทเป็นตัวแทนของคน สัตว์ สิ่งของ และความคิดเชิงนามธรรมต่าง ๆ ซึ่งเคลื่อนไหวและสื่อสารได้ด้วยความพยายามของผู้เชิด กล่าวโดยสรุป หุ่นมือหรือหุ่นประเภทต่าง ๆ เป็นวัตถุที่สร้างขึ้น แล้วนำมาทำให้เคลื่อนไหวได้ เพื่อสื่อความหมายกับผู้อื่นโดยใช้ในการสื่อสาร นำความรู้สึกนึกคิด อารมณ์ แรงบันดาลใจและความฝันมาทำให้เป็นตัวตนขึ้นมา
ความหมายของนิทาน
จิตราภรณ์ เตมียกุล (2531, หน้า 7) ได้ให้ความหมายของนิทานว่าหมายถึงเรื่องราวที่มีมาช้านานและเล่าต่อเนื่องกันมาเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากความเป็นจริงหรือเกิดจากจินตนาการของผู้แต่งเพื่อให้ผู้ฟังสนุกสนานและได้รับความรู้จากเนื้อหาของนิทานเรื่องนั้น
ทรงพร สุทธิธรรม (2534, หน้า 56) ได้กล่าวว่า นิทาน หมายถึง เรื่องราวที่เล่าต่อกันมาหรือแต่งขึ้นโดยมีจุดประสงค์เพื่อความสนุกสนานหรือแทรกแนวคิด คุณธรรมลักษณะที่พึงประสงค์แก่เด็ก เพื่อให้สามารถปฏิบัติตนได้เหมาะสมในการดำรงชีวิตในสังคม เกริก ยุ้นพันธ์ (2539, หน้า 8) ได้ให้ความหมายของนิทานว่า หมายถึง เรื่องราวที่เล่าสืบต่อกันมา ตั้งแต่สมัยโบราณเป็นการผูกเรื่องขึ้นเพื่อให้ผู้ฟังเกิดความสนุกสนานแฝงคำสอนจรรยาในการใช้ชีวิตเป็น การถ่ายทอดวัฒนธรรมต่อเนื่องของผู้เล่าให้คนรุ่นใหม่ฟัง
วันเนาว์ ยูเด็น (2542 : คำนำ) ได้ให้ความหมายของนิทานว่า นิทาน คือ ชีวิต เรื่องราวในนิทานที่แท้จริง เป็นเรื่องราวของชีวิต นิทานไม่ใช่เรื่องสำหรับเพียงเพื่อ ฟัง อ่านหรือรับคำสอนที่แทรกอยู่เท่านั้น
สัณหพัฒน์ อรุณธารี (2542, หน้า 2) ให้ความหมายของนิทานว่า นิทาน คือ เรื่องที่มีผู้แต่งขึ้นใหม่หรือเป็นการเล่าสืบต่อกันมา เพื่อให้เกิดความสนุกสนานเพลิดเพลิน แก่ผู้ฟังเป็นสำคัญ และได้สอดแทรกคุณธรรมคู่ความรู้ประกอบ
กล่าวโดยสรุป นิทานนั้นหมายถึงเรื่องราวที่เล่าสืบต่อกันมาหรืออาจจะเป็นเรื่องราวที่แต่งขึ้นมาใหม่ มีการสอดแทรกแนวคิด เนื้อหาที่เป็นคุณธรรม จริยธรรม โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อความสนุกสนานเพลิดเพลิน และเป็นการแฝงคติธรรม เพื่อเป็นแนวทางที่ถูกต้องในการดำรงชีวิตที่ได้จาก การฟังนิทาน
คุณค่าของนิทาน
ฉวีวรรณ กินาวงศ์ (2528, หน้า 125-126) ได้กล่าวว่า นิทานมีอิทธิพลต่อเด็กมากในระดับปฐมวัย การที่ผู้ใหญ่และครูได้ใกล้ชิดกับเด็ก โดยการเล่านิทานจะเป็นเครื่องช่วยให้เข้าใจเด็กยิ่งขึ้น การเล่านิทานมีคุณค่าดังนี้ 1. ช่วยชดเชยประสบการณ์แก่เด็กในชนบทให้เท่าเทียมเด็กในเมือง
2. ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการทางภาษา ความคิดและจินตนาการให้กับเด็ก 3. ช่วยฝึกให้เด็กเป็นนักฟังที่ดี เข้าใจวิธีการปฏิบัติตัวขณะฟังนิทานและสามารถเก็บความตามเรื่องราวที่ฟังคนอื่นเล่าได้ตามสมควรแก้วัย
4. ช่วยให้เด็กเกิดความสนุกสนานเพลิดเพลิน มีความรู้สึกอบอุ่นและใกล้ชิดกับผู้เล่า
5. ช่วยปลูกฟังความรู้สึกชอบฟังนิทานและความรู้สึกชื่นชอบในหนังสือนิทานก่อนที่จะอ่านได้อย่างเข้าใจ
6. ปลูกฝังให้เด็กเป็นคนใจกว้าง ยอมรับความจริงในชีวิตประจำวัน
นิทานมีคุณค่าในการส่งเสริมพัฒนาการทางภาษา สติปัญญา อารมณ์ จิตใจและสังคมเพราะตัวละครในนิทานสามารถกระตุ้นความสนใจแก่เด็ก ทำให้เกิดความสนุกสนานเพลิดเพลิน อีกทั้งนิทานเป็น
สิ่งหนึ่งที่มีประโยชน์ในการกล่อมเกลานิสัยเด็กได้ดี ดังนั้น การเล่านิทานจึงมีความสำคัญต่อเด็กปฐมวัย
มากเพราะนิทานช่วยให้เด็กเพลิดเพลิน สนุกสนาน ช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านต่าง ๆ ให้กับเด็ก อีกทั้ง
นิทานยังมีเนื้อหาที่ส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม ทำให้เด็ก ๆ และผู้ฟัง เข้าใจในความดีและความงามยิ่งขึ้น
บทบาทของหุ่นในวงการศึกษา
ปัจจุบันหุ่นเข้ามามีบทบาทในวงการศึกษา เป็นสื่อการสอนที่น่าสนใจ เป็นทั้งเพื่อนของเด็กและผู้ช่วยครู สามารถให้ทั้งความรู้และสื่อความหมายให้เด็กเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น ให้เด็กเกิดความสนใจได้รับความสนุกสนานมากกว่าสื่อชนิดอื่นหลายชนิด จึงมีการนำหุ่นมาใช้ในการการสอนในสถานศึกษาระดับต่าง ๆ อย่างกว้างขวาง ลัดดา นีละมณี (2531, หน้า 54) กล่าวว่า หุ่นเป็นสื่อการเรียนการสอนที่มีคุณค่าต่อเด็ก ๆ มากและมีอิทธิพลต่อความรู้สึกของเด็ก สร้างบรรยากาศในชั้นเรียนได้เป็นอย่างดี กระตุ้นให้เด็กสนใจในการเรียนตลอดเวลา การแสดงหุ่นทุกประเภทให้ผลดีกับเด็กอย่างมหาศาลในแง่ของการจูงใจ ให้กระทำตามเช่นกรณีเด็กไม่ยอมแปรฟัน ไม่ยอมตัดผม ผู้สร้างเรื่อง ต้องผูกเรื่องที่สามารถ ทำให้เด็กมองเห็นผลเสียอันเกิดจากพฤติกรรมนั้น (รัตนา บำรุงญาติ, 2532, หน้า 17) ศิริกาญจน์ โกสุมภ์ (2522, หน้า 10-16) แสดงความเห็นสามารถสรุปได้ดังนี้ หุ่นเป็นสื่อการเรียนที่เป็นประโยชน์ในการจัดการศึกษามาก นำไปใช้ในการสอนได้หลายเนื้อหา เป็นสื่อที่เคลื่อนไหวได้ น่าสนใจกว่าภาพธรรมดา ถ้าได้มีการนำหุ่นมาใช้ในห้องเรียนของเด็กปฐมวัย จะเป็นประโยชน์กับเด็กอย่างมาก ในด้านจิตวิทยา ส่งเสริมให้เด็ก เกิดความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ จินตนาการและกล้าแสดงออก พิตรเพลิน สนิทประชากร (2532, หน้า 64) เสนอแนะให้ครูผู้สอนเด็กระดับปฐมวัย นำหุ่นมาใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน เพื่อเสริมสร้างพัฒนาการของเด็กในด้านต่าง ๆ ดังนี้ 1. ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการด้านสงคม โดยการที่เด็ก และครู เชิดหุ่น ร่วมกับเพื่อน ๆ การแบ่งหน้าที่ในการจัดการเชิดหุ่น จะทำให้เด็กสามารถปรับตัวเข้ากับเพื่อน มีความรับผิดชอบในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายและช่วยฝึกให้เด็กกล้าแสดงออก 2. ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการด้านอารมณ์ โดยที่เด็กจะได้มีโอกาสแสดงออกด้วยการคิดฝันจากประสบการณ์ที่ผ่านมาและมีโอกาสแสดงจินตนาการเชิงสร้างสรรค์ให้ปรากฏการเชิดหุ่น เปิดโอกาสให้เด็กได้ระบายความคับข้องใจของตนโดยแสดงผ่านหุ่นเชิด 3. ช่วยพัฒนาการทางภาษา สามารถส่งเสริมการใช้ภาษาของเด็กให้ดีขึ้น โดยใช้หุ่นสร้างการเริ่มต้น “ประสบการณ์ทางภาษา” ใช้หุ่นเป็นตัวละคร ถือดินสอ คาบดินสอหรือส่งบัตรคำที่เตรียมไว้
นำมาติดบนบอร์ดกระดาษทราย ใช้หุ่นเล่านิทาน อ่านหนังสือให้เด็กฟัง ออกคำสั่งให้ออกเสียงตามหุ่น
เด็กจะได้รับความสนุกสนานจากการเรียนจากหุ่นมาก
4. ใช้หุ่นเป็นสื่อในการสอนวิชาต่าง ๆ ได้หลายวิชา เช่น ศิลปะ คณิตศาสตร์ ร้องเพลง เกม ตลอด จนวิชาวิทยาศาสตร์ เช่น นำหุ่นมาตกแต่ง เป็นต้นไม้ ดอกไม้ เกสร และผีเสื้อ แล้วแสดงการเรียนรู้ เรื่องขบวนการผสมเกสรดอกไม้ จะทำให้การเรียนรู้นั้น สนุกสนาน และหุ่นจะช่วยแก้ทัศนคติที่เด็กบางคนไม่ชอบวิชาต่าง ๆ อีกด้วย นอกจากนั้น หุ่นยังช่วยชี้แนวทางในการประพฤติปลูกฝังค่านิยมต่างๆ เช่นการรักษาความสะอาด การเสียสละ รวมทั้ง การใช้หุ่นเพื่อเผยแพร่แนวคิดเช่นความรู้เรื่องประชาธิปไตยและสาธารณสุข เป็นต้น หลักสำคัญในการนำหุ่นมาเป็นสื่อในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนระดับปฐมวัย เพื่อพัฒนาความพร้อมและประสบการณ์ในด้านต่าง ๆ ดังที่กล่าวมาแล้ว ก็ด้วยเหตุผล และคุณลักษณะพิเศษของหุ่นตามที่ สาโรจน์ แพ่งยัง (2524, หน้า 21-27) กล่าวไว้ คือ หุ่นมีมิติ สามารถทำเลียนแบบของจริงได้ ทำให้เด็กสนใจและชักจูงให้ร่วมกิจกรรมการเรียนการสอน เมื่อนำหุ่นประเภทต่าง ๆ มาประกอบการเล่านิทาน หุ่นจะเป็นสื่อที่สามารถถ่ายทอดสิ่งที่เป็นนามธรรมให้เป็นรูปธรรมได้อย่างดี กล่าวได้ว่า หุ่นมีบทบาทสำคัญต่อวงการการศึกษา โดยเฉพาะการศึกษาระดับปฐมวัย ควรแก่การสนับสนุนให้ครูผู้สอน ได้ศึกษา และสร้างหุ่นประเภทต่าง ๆ สามารถนำไปใช้ประกอบกิจกรรมการเรียนการสอนได้อย่างเหมาะสม และสอดคล้องกับพัฒนาการของเด็กไดอย่าสงมีประสิทธิภาพ
ตัวอย่างกิจกรรมที่เกี่ยวกับหุ่นมือ
กิจกรรม "นิทานหุ่นมือแสนสนุก"สำหรับเด็กวัย 4 - 5 ขวบ
เด็กวัย 4 - 6 ขวบ หรือ วัยเข้าชั้นอนุบาล เป็นวัยกำลังเรียนรู้โลกกว้าง ชอบเรื่องสนุกสนาน ชอบกิจกรรมที่ลงมือทำด้วยตัวเอง มีความประทับใจต่อหนังสือ และตัวละคร ชอบที่จะทำงานศิลปะและชอบแสดงออก เด็กในวัยนี้ มีความพร้อมทางด้านร่างกายพอสมควรแล้ว สามารถ ใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กได้อย่างคล่องแคล่วกว่าเด็กวัย ๓ ขวบ พวกเขาชอบการถ่ายทอดเรื่องราว และความคิดความประทับใจ ออกมาให้เป็นรูปธรรมกิจกรรม “นิทานหุ่นมือแสนสนุก” จึงเป็นกิจกรรมที่สนุกสำหรับเด็ก 4 - 6 ขวบ กระตุ้นให้พวกเขาได้เผย ความรู้สึกประทับใจ ผ่านกิจกรรมศิลปะแบบง่ายๆ และถูกใจ กิจกรรมนี้เปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้ใช้วัสดุและอุปกรณ์หลายชนิด ทั้ง กระดาษ สี กาว กรรไกร ด้วยเทคนิคต่าง ๆ ทั้งการวาดรูป ระบายสี ตัด ฉีก ติด และปะ เมื่อเด็กๆ สร้างสรรค์ตัวละครของตัวเองออกมาแล้ว ควรกระตุ้นให้พวกเขาได้คิดเรื่องราว โดยผู้ใหญ่กระตุ้นให้เด็กๆ ถ่ายทอดเรื่องราว ชวนคุยเพื่อให้ได้คิด และให้เด็กๆได้แสดงความสามารถออกมา จุดประสงค์ของกิจกรรม •เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์
• เพื่อปลูกฝังนิสัยรักการอ่านโดยผ่านงานประดิษฐ์
• เพื่อให้เด็กรู้จักตัวละครในหนังสือนิทาน • เพื่อให้เด็กเกิดความสนใจในหนังสือนิทาน • เพื่อให้เด็กได้เกิดความภาคภูมิใจ กลุ่มเป้าหมาย เด็กอายุ 4-6 ขวบ
กิจกรรม “นิทานหุ่นมือแสนสนุก” สำหรับเด็กวัย 4-6 ขวบ
เด็กวัย ๔-๖ ขวบ หรือวัยที่เข้าชั้นอนุบาล เป็นวัยกำลังเรียนรู้โลกกว้าง ชอบเรื่องสนุกสนาน ชอบกิจกรรมที่ลงมือทำด้วยตัวเองมีความประทับใจต่อหนังสือและตัวละครชอบทำงานศิลปะ และชอบแสดง ออก เด็กวัยนี้มีความพร้อมทางด้านร่างกายพอสมควรแล้ว สามารถใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กได้อย่างคล่องแคล่วกว่าเด็กวัย ๓ ขวบพวกเขาชอบการถ่ายทอดเรื่องราว และความคิดความประทับใจ ออกมาให้เป็นรูปธรรมกิจกรรม “นิทานหุ่นมือแสนสนุก” จึงเป็นกิจกรรมที่สนุกสำหรับเด็ก 4-6 ขวบ กระตุ้นให้พวกเขาได้เผยความรู้สึกประทับใจผ่านกิจกรรมศิลปะแบบง่ายๆและถูกใจ กิจกรรมนี้เปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้ใช้วัสดุและอุปกรณ์หลายชนิด ทั้งกระดาษ สี กาว กรรไกร ด้วยเทคนิคต่าง ๆ ทั้งการวาดรูป ระบายสี ตัด ฉีก ติด และปะเมื่อเด็กๆ สร้างสรรค์ตัวละครของตัวเองออกมาแล้ว ควรกระตุ้นให้พวกเขาได้คิดเรื่องราว โดยผู้ใหญ่กระตุ้นให้เด็กๆ ถ่ายทอดเรื่องราว ชวนคุยเพื่อให้ได้คิด และให้เด็กๆได้แสดงความสามารถออกมา
จุดประสงค์ของกิจกรรม
• เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์
• เพื่อปลูกฝังนิสัยรักการอ่านโดยผ่านงานประดิษฐ์
• เพื่อให้เด็กรู้จักตัวละครในหนังสือนิทาน
• เพื่อให้เด็กเกิดความสนใจในหนังสือนิทาน
• เพื่อให้เด็กได้เกิดความภาคภูมิใจ
กลุ่มเป้าหมาย
เด็กอายุ 4-6 ขวบ
ระยะเวลาการจัดกิจกรรม
30 นาที – 1 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับอายุของเด็ก)
อุปกรณ์
หนังสือภาพ หนังสือนิทานสำหรับเล่าหรืออ่านให้เด็กฟัง อุปกรณ์เครื่องเขียน เช่น ปากกาเมจิก สีออยพาสเทล สีเทียนหรือสีไม้ ดินสอ กาว กรรไกร กระดาษ วัสดุสำหรับตกแต่งหุ่นให้สวยงามเช่น ริบบิ้น กากเพชร ตาปลอม หลอดพลาสติก เป็นต้น
กระบวนการจัดกิจกรรม
1. เล่านิทานหรืออ่านหนังสือที่เลือกมาให้เด็กฟัง
2. กระตุ้นให้เด็กรู้สึกอยากทำกิจกรรม ด้วยการเสนอหุ่นของผู้จัด (อาจจะพูดคุยหรือเล่านิทานอีกครั้งด้วยการใช้หุ่น)
3. อธิบายขั้นตอนการทำหุ่นอย่างกระชับ
4. แนะนำให้เด็กได้รู้จักวัสดุ อุปกรณ์และคุณสมบัติที่จำเป็น
5. ชักชวนเด็กๆ คัดเลือกตัวละครที่น่าสนใจจากหนังสือที่นำมาใช้ หรือครูกำหนดมาแล้ว
6. ลงมือประดิษฐ์หุ่นมือประกอบนิทาน เมื่อเล่านิทานจบ
7. ให้เด็กได้มีโอกาสนำเสนอผลงานตัวเอง ด้วยการเล่า พูดคุย ตั้งชื่อ แนะนำ (ในการทำกิจกรรมครั้งแรก ๆ อาจไม่ต้องให้เด็กเล่าเป็นเรื่องเพราะจะไม่ได้ทั่วถึง)
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
• เด็กมีความสนใจในหนังสือนิทานที่ใช้เล่ามากขึ้น
• เด็กมีความสุข สนุกสนานกับกิจกรรมการประดิษฐ์หุ่น
• เด็กแสดงความคิดสร้างสรรค์ ถ่ายทอดจินตนาการในการประดิษฐ์หุ่น
• เด็กกล้าที่จะแสดงออกในการแสดงละครหุ่นที่ตนเองประดิษฐ์
• เด็กเกิดความภาคภูมิใจ
การประเมินผล
• ความสนใจในการอ่านหนังสือของเด็ก
• ทักษะในการใช้อุปกรณ์
• ทักษะในการสื่อสาร
• ความกล้าแสดงออก
การสร้างนวัตกรรมหุ่นมือ
ความเป็นมา
การทำนวัตกรรมของดิฉัน ๆ พยายามคิดหาวิธีให้ผู้เรียนในระดับอนุบาลได้เรียนรู้เกี่ยวกับ การทำนวัตกรรมว่าจะให้ทำงานชิ้นไหนดีที่ ทำให้ผู้เรียนทำงานได้เสร็จ เพราะเด็กมีความอดทนน้อยมาก ในการทำกิจกรรมใด ๆ ก็ตามใช้เวลาไม่เกิน 15 นาที นั่นคือ ความอดทนของเด็กเหล่านั้น ดังนั้น ดิฉันจึงคิดที่จะให้ผู้เรียนซึ่งเป็นเด็กระดับอนุบาล 3 ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการสร้าง “หุ่นมือ” ในด้านการจัดการเรียนการสอน ดิฉันจะเน้นการเตรียมความพร้อมให้กับเด็ก จัดสิ่งแวดล้อมทางการเรียนรู้และกิจกรรมให้เหมาะกับการพัฒนาการในแต่ละวัย ให้เด็กได้เรียนรู้ด้วยประสาทสัมผัสทั้ง
ห้า ผ่านกิจกรรมการเล่น การสร้างประสบการณ์ชีวิตฝึกให้เด็กรู้จักช่วยเหลือและดูแลตนเอง ดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ทักษะและมารยาทในสังคมที่เด็กควรรู้ การควบคุมการเคลื่อนไหวร่างกาย ด้วยเหตุนี้ทำให้ดิฉันได้คิดค้นที่จะให้ผู้เรียน ได้เรียนรู้ในการประดิษฐ์นวัตกรรม “หุ่นมือ” ในความคิดของผู้เรียนเชิงสร้างสรรค์ เป็นการฝึกทักษะและประสบการณ์ในการเรียนรู้ฝึกประสาทสัมผัสทั้งห้า รู้จักวิธีการควบคุมการเคลื่อนของร่างกาย ประกอบการเล่านิทาน
วัตถุประสงค์ในการสร้างนวัตกรรม
เพื่อให้ผู้เรียนรู้จักวิธีการสร้างหุ่นมือ
เพื่อให้ผู้เรียนสามารถควบคุมการเคลื่อนไหว ร่างกายได้
เพื่อให้ผู้เรียนสามารถแสดงความคิดสร้างสรรค์
เพื่อให้ผู้เรียนสามารถแสดงจินตนาการ ของตนเองได้
อุปกรณ์ที่ใช้ในการประดิษฐ์นวัตกรรม
เศษผ้า,กรรไกร,ลูกปัด
ด้าย,เข็ม,กาว
ปากกา,ถุงมือ
ขั้นตอนการทำ
วาดภาพเป็นวงกลม ลงในเศษผ้าที่จัดเตรียมไว้เพื่อทำเป็นส่วนหัวตามที่ต้องการ
วาดส่วนขา หู ลงบนเศษผ้าอีกส่วนหนึ่ง
ตัดชิ้นส่วนต่าง ๆ ออกเป็นส่วน ๆ เช่น หัว ขา หู
นำส่วนต่าง ๆ ดังกล่าวมาประกอบเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ รูปใบหน้าของสัตว์ตามที่ต้องการ
เมื่อได้ส่วนต่าง ๆ ครบเรียบร้อยแล้วนำลูกปัดมาเย็บเป็น ลูกตาเสร็จแล้วนำไปติดบนถุงมือที่จัดเตรียมไว้
สรุปผล
หุ่นมือเป็นตัวละครที่มนุษย์สร้างขึ้นมีหลายรูปแบบ จัดแสดงเป็นเรื่องราวที่สนุกสนานโดยใช้มือเชิด ศิลปะการแสดงหุ่นมือหรือหุ่นประเภทอื่น ๆ เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของทุกชาติทั่วโลกที่สืบทอดกันมาตั้งแต่ครั้งโบราณ ได้วิวัฒนาการและพัฒนามาโดยลำดับ การแสดงหุ่นนอกจากให้ความบันเทิงแล้ว ยังเสริมสร้างความคิดจินตนาการจริยธรรมและสิ่งดีงามอีกหลายประการจากเรื่องราวที่แสดงนักการศึกษาจึงได้นำหลักการ วิธีการของหุ่น มาใช้ในการเรียนการสอน ทั้งในโรงเรียน และนอกโรงเรียน การใช้หุ่นเป็นสื่อในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนเด็กปฐมวัย เป็นไปอย่างกว้างขวาง และมีประสิทธิผล ในการพัฒนาในด้านต่าง ๆ ครบถ้วน เป็นที่พอใจและน่าสนใจอย่างยิ่ง
ข้อเสนอแนะ
หลังจากศึกษาโดยละเอียดดีแล้ว ควรทดสอบความเข้าใจด้วยตนเองโดยทำกิจกรรมต่อไปนี้
1.โปรดอธิบายความหมายและประวัติความเป็นมาของหุ่น
2. ท่านชอบหุ่นประเภทใด โปรดให้เหตุผลและบอกลักษณะอย่างน้อย 3 ประเภท
3. “หุ่น” เป็นสื่อการเรียนการสอนที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับเด็กปฐมวัย ท่านมีข้อคิดเห็นเกี่ยว กับคำกล่าวข้างต้นอย่างไร โปรดชี้แจง
4. การเรียนการสอนทุกระดับย่อมปรับเปลี่ยนให้ทันสมัย ทันต่อเหตุการณ์ ต่อความต้องการของสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเจริญทางเทคโนโลยี เช่น ยุคปัจจุบัน ศึกษาวิธีการผลิตและการใช้หุ่นในการจักกิจกรรมการเรียนการสอนในบทต่อๆไปเพื่อเสริมสร้างทักษะและประสบการณ์ นำไปพัฒนาเด็กปฐมวัยต่อไป
เอกสารอ้างอิง
กิดานันท มลิทอง. (2540). เทคโนโลยีการศึกษา และนวัตกรรม. กรุงเทพมหานคร : จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย.
กนกกร บัญยะกนิษฐ์. (2539). หุ่นสำหรับเด็กปฐมวัย. กรุงเทพมหานคร : สถาบันราชภัฏสวนดุสิต
ฉลองชัย สุรวัฒนบูรณ์. (2546). สาระน่ารู้ทางเทคโนโลยีการศึกษา. กรุงเทพมหานคร:
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
ชัยยงค์ พรหมวงศ์. (2533). แนวคิดเทคโนโลยีการศึกษา. เอกสารการสอนชุดวิชาเทคโนโลยีและ
สื่อสารการศึกษา. นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.
ทิพย์เกสร บุญอำไพ. (2536). พัฒนาการเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษาในการพัฒนาทรัพยากร
มนุษย์. ประมวลสาระชุดวิชาเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษากับการพัฒนาทรัพยากร
มนุษย์. นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.
เปรื่อง กุมุท. (2537). แนวคิดเกี่ยวกับเทคโนโลยีการสอน. ประมวลสาระชุดวิชาเทคโนโลยีและสื่อ
สารการสอน. นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.
ศูนย์เทคโนโลยีการศึกษา กรมการศึกษานอกโรงเรียน. (2545). แนวทางปฏิรูปเทคโนโลยีเพื่อการ
กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์กราฟฟิคโกร.
สุวิทย์ หิรัณยกาณฑ์ และคณะ. 2540. พจนานุกรมศัพท์ทางการศึกษา. กรุงเทพมหานคร: ไอคิวบุคเซ็นเตอร์.
สาโรช โศภีรักข์. (2546). รากฐานจิตวิทยาทางเทคโนโลยีการศึกษา. กรุงเทพมหานคร:
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
วันพฤหัสบดีที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
วันจันทร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
วันจันทร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2553
ประวัติส่วนตัว
ชื่อ นางสาววรรณนิภา ปูรณานุนาค
อายุ 48 ปี
อยู่บ้านเลขที่ 189/441 หมู่บ้านหงส์ประยูร
ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง
จ.นนทบุรี 11110
สอนที่โรงเรียน นครนนท์วิทยา 5 ธารสัมฤทธิ์
ซอยธารสัมฤทธิ์ 21 ต.ท่าทราย
อ.เมือง จ.นนทบุรี 11110
สอนระดับ ปฐมวัย
ป.บัณฑิต (วิชาชีพครู) รุ่น 4 ไทยเข้มแข็ง
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)